คุณเคยได้ยินผู้ขายกล้องติดรถยนต์ชูจุดเด่นของกล้องติดรถเรื่องความสามารถที่ทำให้กล้องบันทึกขณะจอดรถ 24 ชั่วโมงกันบ้างไหมครับ?
คุณอยากรู้ไหมครับว่าจริงๆแล้วโหมดจอดรถที่ว่านี้ มันช่วยให้บันทึกรถยนต์ของคุณได้ปลอดภัยแค่ไหน และหวังพึ่งได้มากน้อยแค่ไหน?
หากคุณสงสัยแบบนั้นล่ะก็ บทความนี้ มีคำตอบให้คุณแน่นอน หากคุณอยากรู้แล้วเรามาเริ่มกันเลยครับ
สารบัญ
- โหมดจอดรถของกล้องติดรถ คือ อะไร?
- ประโยชน์ของโหมดจอดรถยนต์
- โหมดจอดรถมีชื่อเรียกแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
- ประเภทของโหมดจอดรถยนต์
– รอโดนชนก่อนแล้วค่อยเปิดมาบันทึก
– บันทึกตลอดเวลาแบบ 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอะไรผ่าน ชนหรือไม่ชนก็ตามที
– บันทึกแบบ Time Lapse Video
– บันทึกเฉพาะเหตุการณ์ที่วัตถุผ่านหน้ากล้องหรือช่วงก่อนรับแรงชนกระแทก (Buffered Parking Mode) - กล้องติดรถยนต์สามารถบันทึกขณะจอดรถได้กี่วัน?
- กล้องติดรถยนต์รองรับโหมดจอดรถแต่ต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มด้วยไหม?
– สายต่อตรง (Hardwire Kit)
– แบตเตอรี่เสริมสำหรับกล้องติดรถยนต์ (External Battery Pack)
– สายต่อตรงประเภท OBD (OBD-II Power Cable) - กล้องติดรถยนต์รุ่นยอดนิยมที่บันทึกขณะจอดได้ดี
- บทสรุป
โหมดจอดรถของกล้องติดรถคือ?
โดยรวมแล้วโหมดจอดรถยนต์ แปลตรงตัวง่ายๆ คือ การที่กล้องติดรถสามารถบันทึกได้ขณะที่ดับเครื่องยนต์ไปแล้ว โดยไม่ได้เจาะจงรูปแบบการบันทึก ที่เกิดขึ้นหลังดับเครื่องยนต์ ซึ่งรูปแบบการบันทึกของกล้องวิดีโอติดรถที่มีโหมดจอดรถนี้ ยังสามารถแบ่งการบันทึกแยกย่อยออกได้เป็นอีกหลายประเภท คือ
- บันทึกแบบกล้องต้องได้รับแรงกระแทกที่ตัวกล้องก่อน และหากกล้องรู้สึกได้จะเปิดหลังรับแรงกระแทกและบันทึกให้คลิปสั้นๆ
- บันทึกแบบตลอด 24 ชั่วโมง คือ บันทึกตลอดเวลา แม้ว่าจะไม่มีแรงชนกระแทก หรือ วัตถุผ่านเคลื่อนไหวหน้ากล้องก็บันทึกด้วย
- บันทึกแบบ Time Lapse Video เป็นการบันทึกวิดีโอที่มีการบันทึกที่เฟรมเรทต่ำกว่าปกติ ทำให้วิดีโอที่ถูกบันทึกจะเหมือนดูภาพที่มีการกรอความเร็วสูง
- บันทึกตลอดเวลาแต่เลือกเขียนข้อมูลลงเมมโมรี่เฉพาะช่วงเวลาก่อนหน้าที่วัตถุผ่านเคลื่อนไหวหน้ากล้องเล็กน้อย (Buffered parking mode หรือ Pre-buffered parking mode) **แบบนี้จะได้รับความนิยมสูงสุดในต่างประเทศ
หลายๆคนเข้าใจผิดว่า กล้องติดรถมีโหมดจอดรถ จะบันทึกขณะจอดได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งแท้จริงแล้ว โหมดจอดรถเป็นแค่คำเรียกโดยรวมเท่านั้น
ประโยชน์ของโหมดจอดรถยนต์
หากคุณเคยเจอรอยขีดข่วน รอยรถบุบ หรือ รอยถูกเฉี่ยวชนหรือกระแทก ขณะจอดรถ และคุณอยากได้หลักฐานว่าใครเป็นคนทำก็ถือได้ว่านี่แหละครับ คือประโยชน์ของกล้องติดรถยนต์บางรุ่นที่โหมดดังกล่าว เพราะ หากคุณเจอรอย แต่คุณไม่มีหลักฐาน แปลว่าคุณจะไม่มีคู่กรณีเอาผิดความรับผิดชอบในการเครมกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นกรณี
- ถูกชนแล้วหนีขณะจอดรถ (Hit and Run)
- มีบุคคลน่าสงสัยป้วนเปี้ยนแถวรถคุณ หรือต้องการขโมยสิ่งของมีค่า
- ถูกปรักปรำความผิดหรือเป็นผู้ผิดร่วมขณะที่รถคุณจอดรถเฉยๆแต่คุณไม่ได้ทำอะไรเลย
แทนที่จะมีกล้องติดรถยนต์ไว้บันทึกเฉพาะช่วงที่ขับรถ แต่หากเรามีกล้องติดรถที่สามารถบันทึกขณะจอดก็เป็นความคิดที่ไม่เลวทีเดียวใช่ไหม?
ถ้าไหนๆก็ต้องเสียเงินติดกล้องหน้ารถแล้วเหมือนๆกัน
โหมดจอดรถมีชื่อเรียกแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
คำว่าโหมดจอดรถนั้นอาจถูกเรียกได้หลายชื่อ ตามแต่ที่เจ้าของแบรนด์กล้องแต่ละแบรนด์เรียกชื่อ โดยคำทั่วๆไปที่ใช้กันและได้ยินคุ้นหูจะมี
- โหมดจอดรถยนต์
- การดูแลจอดรถ
- Parking Mode
- Parking Surveillance Mode
- Parking Monitoring System
- Auto Event Detection
- Low Bit rate Parking Mode
- Advanced Buffered Parking Mode
- และอาจมีคำใกล้เคียงกันที่เลือกใช้คำ Parking เข้ามาเกี่ยวข้อง
ประเภทของโหมดจอดรถยนต์
-
รอโดนชนก่อนแล้วค่อยเปิดมาบันทึก
กล้องติดรถยนต์ประเภทนี้จะพบได้ในร้านขายกล้องติดรถยนต์ และโดยมากจะเป็นกล้องติดรถยนต์ราคาต่ำกว่า 1000 บาท จนถึง 3000 บาท
กล้องหน้ารถที่ทำงานลักษณะนี้ โดยมากจะเป็นกล้องที่ใช้แบตเตอรี่ในตัว และสามารถใช้แบตเตอรี่ในตัวเพื่อเปิดบันทึกได้เลย หลังรับแรงชนหรือกระแทกที่แรงพอ
ข้อดีของการทำงานประเภทนี้คือ เราไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องยุ่งกับระบบไฟ หรือกล่องฟิวส์ในห้องโดยสารเลย แต่จุดเสี่ยงคือหากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีแรงกระแทกมากพอกล้องอาจไม่เปิด หรือแม้ว่ากล้องจะเปิดขึ้นมา ใครก็ตามที่ทำให้เกิดแรงกระแทกนั้นมักไม่อยู่หน้ากล้องแล้ว เพราะไม่มีใครที่ทำผิดแล้วอยากยืนโบกมือให้กล้องถูกไหม?
โหมดนี้เหมาะมากสำหรับ
- งบประมาณกล้องติดรถมีไม่สูงมาก อยากแค่มีโหมดจอดรถเผื่อไว้ ได้ใช้ก็ดี ไม่ได้ใช้ก็ยอมรับได้
- ผู้ที่จอดรถในบ้าน รั้วรอบ ขอบชิด ไม่ค่อยได้จอดรถนอกบ้าน ไม่ค่อยได้ไปไหน หรือที่จอดรถมีที่จอดประจำที่ปลอดภัยอยู่แล้ว
ข้อด้อยของโหมดนี้คือ
- หากแบตเตอรี่เสื่อมหรือเสียกล้องจะไม่สามารถทำงานได้
- โดยมากแบตเตอรี่ในกล้องมักเปิดได้เพียง 1-2 นาที เท่านั้น และเสื่อมอายุไปเรื่อยๆ แปลว่าการใช้งานจริงแบตเตอรี่กล้องคุณอาจเสื่อมไปก่อนได้
- ซึ่งตรงส่วนนี้อย่างแบรนด์กล้องติดรถ Xiaomi 70mai จึงบังคับให้กล้องติดรถรุ่นใหม่ๆ หากต้องการใช้โหมด Parking Surveillance Mode ต้องซื้อสายต่อตรง (70mai Hardwire Kit) เพื่อใช้คู่กันไปด้วย
- มักไม่ได้ไฟล์วิดีโอหลักฐานที่ต้องการ เนื่องจากแรงกระแทกไม่มากพอ และกล้องอาจไม่เปิด หรืออาจไม่มีไฟล์บันทึกที่ต้องการ
แม้ว่าจะดูมีจุดด้อยค่อนข้างมาก แต่ก็ยังได้รับความนิยมสูงกว่า กล้องติดรถที่บันทึกขณะจอดได้แบบอื่นๆ เพราะราคาค่อนข้างถูก จับต้องได้
และแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงในตอนนี้คือ Xiaomi 70mai
หากคุณสนใจกล้องติดรถ ราคาไม่เกิน 2,000 บาท ทางเรารวบรวมข้อมูลไว้ให้แล้วด้านล่างนี้ครับ
อ่านเพิ่มเติม : ซื้อกล้องติดรถยนต์ Xiaomi 70mai รุ่นไหนดี?
กล้องติดรถ Xiaomi 70mai ยกเว้นรุ่นเริ่มต้น 70mai 1s เป็นโหมดจอดรถแบบ รอโดนชนก่อนแล้วค่อยเปิดมาบันทึก
แบรนด์กล้องติดรถยนต์ใช้โหมดนี้และพบได้บ่อย
Xiaomi 70mai, PROOF (บางรุ่น)
-
บันทึกตลอดเวลาแบบ 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอะไรผ่าน ชนหรือไม่ชนก็ตามที
ต้องแยกให้ออกก่อนว่า กล้องที่มีโหมดจอดรถที่รองรับการบันทึกได้ 24 ชั่วโมง กับ กล้องทั่วๆไปที่ไม่มีโหมดจอดรถ แต่ต่อไฟตรงให้กล้องทำงาน 24 ชั่วโมงนั้นไม่เหมือนกัน
สิ่งที่แตกต่างกันคือเรื่องอุณหภูมิที่เหมาะสมในการทำงานในสภาพร้อนจัด หรือ Working Temperature ที่กล้องรองรับได้ ตรงส่วนนี้ถือว่าสำคัญมาก
โดยทั่วไปผู้ซื้อมักคิดว่า ซื้อกล้องอะไรมาก็ได้ถ้าอยากให้กล้องทำงาน 24 ชั่วโมง ก็แค่ต่อไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์มาใช้ หรือต่อ Powerbank ที่ให้กล้องเปิดติดก็ถือว่าจบเรื่องราวกันไป
แต่แท้จริงแล้ว กล้องติดรถยนต์รุ่นราคาถูกๆ ล้วนไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อทนความร้อนในอุณหภูมิที่สูงจัด โดยเฉพาะสภาวะอากาศไม่ถ่ายเทในห้องโดยสารที่ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศและจอดตากแดดร้อนจัด
ซึ่งเป็นหนึ่งในกระทู้ดัง กล้องติดรถยนต์ระเบิดใน Pantip เพราะกล้องราคาถูกโดยทั่วไป ไม่ได้ถูกออกแบบมาทำงานบันทึกในอุณหภูมิร้อนสูง หรือทนแดดร้อนจัดได้ กล้องติดหน้ารถราคาถูก มักทนความร้อนสูงลักษณะนี้ไม่ไหว จึงเรียกได้ว่าเป็นการใช้งานที่ผิดประเภท
กล้องที่ทำงานลักษณะนี้ได้ โดยทั่วไปมักเป็นกล้องติดรถยนต์ที่มีราคาค่อนข้างสูง เช่น กล้องติดรถยนต์เกาหลี เช่น Thinkware , Blackvue , iRoad หรือ กล้องติดรถยนต์จีน Viofo ที่ถูกออกแบบมาให้ทนความร้อนสูง และ กล้องติดรถยนต์ไต้หวัน Transcend ที่ล้วนแต่ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงสภาพอากาศที่ร้อนจัดแล้วนั่นเอง
ในกล้องติดรถพรีเมี่ยมเกรดบางแบรนด์ เช่น Viofo จะมีเมนูที่เรียกว่า Low bit rate video ซึ่งนอกจากจะให้กล้องสามารถบันทึกได้ตลอดเวลาแล้ว ยังโดยบีบให้ไฟล์วิดีโอให้เล็กลง โดยใช้ Bit rate วิดีโอที่ต่ำกว่าปกติ ซึ่งสามารถเพิ่มความนานและลดพื้นที่ในเมมโมรี่ที่ถูกใช้กว่าวิดีโอที่บันทึกปกติถึง 3 เท่า
หรือในกล้องเกาหลีอย่าง BlackVue จะมีโหมดจอดรถให้เลือกการทำงานได้หลากหลาย และครอบคลุมการเก็บหลักฐานในช่วงการจอดรถได้ดีกว่ากล้องปกติมาก
โหมดนี้เหมาะมากสำหรับ
- ผู้ที่จอดรถในที่มีความพลุกพล่านสูง เช่น ใกล้ตลาด บ้านอยู่ติดถนน และ เป็นจุดที่มีความอันตรายสูงเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุได้เมื่อไหร่
ข้อด้อยของโหมดนี้คือ
- เนื่องจากกล้องติดรถยนต์ที่บันทึกตลอดเวลาได้ต้องอาศัยแหล่งพลังงานเพิ่มเติม จึงมีความจำเป็นต้องต่อไฟตรงจากกล่องฟิวส์รถยนต์ตลอดเวลา
- เมื่อกล้องมีการบันทึกตลอดเวลา แปลว่าเมมโมรี่ต้องถูกเขียนข้อมูลตลอดเวลาเช่นกัน ทำให้คุณต้องเลือกเมมโมรี่การ์ดให้เหมาะสม ซึ่งต้องเป็น เมมโมรี่ประเภท High Endurance คือทนความร้อนสูง และมีรอบวนทับที่ใช้ได้นานกว่ากล้องติดรถยนต์ทั่วไป หากคุณเลือกใช้เมมโมรี่แบบมาตรฐาน อุณหภูมิที่สูงเกินไปอาจส่งผลให้เมมโมรี่เสียหาย หรือกล้องหยุดทำงานได้
เน้นอีกครั้ง ไม่ใช่กล้องติดรถยนต์รุ่นไหนก็ได้ แบรนด์ไหนก็ได้จะต่อให้กล้องทำงานตลอดเวลาได้
กล้องติดรถยนต์ที่บันทึกตอนจอดได้ ต้องถูกออกแบบมาให้ใช้ได้ในสภาพแวดล้อมแบบปิดเท่านั้น
-
บันทึกแบบ Time Lapse Video
การบันทึกแบบนี้เป็นการบันทึกที่เฟรทเรทของวิดีโอต่ำกว่าปกติมาก หลักการคือกล้องจะทำหน้าที่จับภาพนิ่งทุกๆ x วินาที (กล้องบางรุ่นจะมีตัวเลือกให้ตั้งได้) ซึ่งจะนำภาพนิ่งดังกล่าวในแต่ละวินาทีมาต่อกันเป็นวิดีโอ ทำให้กล้องจะมีการบันทึกข้อมูลลงเมมโมรี่ตลอดเวลา แต่จะได้ภาพที่มีการเคลื่อนไหวที่เฟรมเรทต่ำกว่าปกติ (ปกติวิดีโอทั่วไปจะมีภาพนิ่งประมาณ 25-30 ภาพนิ่ง หรือเราเรียกว่า เฟรมเรทต่อวินาที)
ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์ภาพที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะวิดีโอที่กรอเร็วกว่าปกติ
คุณสามารถพบกล้องที่รองรับโหมดการทำงานลักษณะ Time Lapse Video ในกล้องติดรถยนต์ราคาประมาณ 2000 – 3000 บาท เป็นต้นไป
ซึ่งกล้องแต่ละรุ่นจะมีการบันทึก Time Lapse ในค่า Frame per Second ที่แตกต่างกัน
ในกล้องที่ราคาสูงมักจะเลือกปรับเฟรมเรทของภาพได้ ซึ่งต่างจากกล้องราคาระดับเริ่มต้น ซึ่งจะไม่สามารถปรับอะไรได้เลย
โหมดนี้เหมาะมากสำหรับ
- ผู้ที่ใช้เมมโมรี่ความจุต่ำ แต่ต้องการบันทึกเหตุการณ์ได้ยาวนาน
- จอดรถในสถานที่พลุกพล่านสูง เช่น ติดตลาด จอดรถในห้าง หรือติดถนน
- อยากรู้เหตุการณ์โดยรวมระหว่างจอดรถว่าเกิดอะไรขึ้น
ข้อด้อยของโหมดนี้คือ
- เนื่องจากกล้องติดรถยนต์ที่บันทึกตลอดเวลาได้ต้องอาศัยแหล่งพลังงานเพิ่มเติม จึงมีความจำเป็นต้องต่อไฟตรงจากกล่องฟิวส์รถยนต์ตลอดเวลา
- เพื่อคุณภาพที่ดี และเสถียร หากมีงบประมาณควรเลือกเมมโมรี่ประเภท High Endurance
- หากเกิดแรงกระแทกจริงๆ คุณอาจจะไม่สามารถอ่านป้ายทะเบียนได้ เพราะ ช่วงเฟรมเรทที่เกิดการกระแทก มันอาจข้ามจุดสำคัญไปแล้วก็เป็นได้
- หากต้องการใช้ให้ได้ผลสูงสุด กล้องควรมีความละเอียดวิดีโอสูง เพราะหากเกิดเหตุจะมีโอกาสอ่านทะเบียนได้สูงกว่ากล้องที่มีความคมชัดแบบมาตรฐาน
-
บันทึกเฉพาะเหตุการณ์ที่วัตถุผ่านหน้ากล้องหรือช่วงก่อนรับแรงชนกระแทก (Buffered Parking Mode)
การบันทึกแบบนี้เป็นที่นิยมสูงสุดในต่างประเทศ เพราะมีโอกาสได้ไฟล์วิดีโอที่ถือว่าเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดขณะจอดรถยนต์ แล้วโหมดนี้ทำงานอย่างไรคนถึงนิยมกัน?
Buffered Parking คือ ความสามารถที่ทำให้กล้องติดรถยนต์สามารถบันทึกได้ตั้งแต่ยังไม่เขียนไฟล์ลงในเมมโมรี่การ์ด โดยก่อนที่จะเขียนเมมโมรี่การ์ด การบันทึกดังกล่าวจะเกิดขึ้นในหน่วยความจำภายในของกล้อง หรือที่เรียกว่า Cache นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมกล้องประเภทที่มีโหมดนี้ ถึงสามารถบันทึกไฟล์ก่อนหน้าเหตุการณ์ที่ผ่านหน้ากล้องหรือเกิดการชนกระแทกได้ เพราะ กล้องดึงเหตุการณ์จากหน่วยความจำที่เรียกว่า Cache มาบันทึกลงเมมโมรี่ ซึ่งทำให้คุณจะสามารถได้เหตุการณ์ตั้งแต่เกิดเหตุเป็นหลักฐานที่ชัดเจนกว่าโหมดจอดรถยนต์แบบอื่นๆ
แน่นอนว่ากล้องติดรถยนต์ทุกรุ่น ไม่ได้มีหน่วยความจำภายในหรือขนาด Cache ที่เท่ากัน ทำให้มีกล้องติดรถไม่มากนักในตลาดที่สามารถใช้ Buffered Parking Mode ได้
ซึ่งในตลาดประเทศไทยเราจะมี Transcend (บางรุ่น) , Thinkware, BlackVue และ VIOFO
ซึ่งล้วนแต่เป็นกล้องติดรถราคาตั้งแต่ 3,000 บาท ขึ้นไปนั่นเอง
โหมดนี้เหมาะมากสำหรับ
- ผู้ที่ต้องการหลักฐาน / เหตุการณ์ที่ดูน่าจะคาดหวังได้สูงสุดขณะจอดรถยนต์
ข้อด้อยของโหมดนี้คือ
- เนื่องจากกล้องติดรถยนต์ที่บันทึกตลอดเวลาได้ต้องอาศัยแหล่งพลังงานเพิ่มเติม จึงมีความจำเป็นต้องต่อไฟตรงจากกล่องฟิวส์รถยนต์ตลอดเวลา
- เพื่อคุณภาพที่ดี และเสถียร หากมีงบประมาณควรเลือกเมมโมรี่ประเภท High Endurance
- กล้องติดรถยนต์ที่ทำงานลักษณะนี้ได้ มักเป็นกล้องที่ต้องทนความร้อนได้สูง และมี Cache ในตัวที่สูงด้วย ทำให้ราคากล้องติดรถประเภทนี้ค่อนข้างสูงกว่าปกติ
กล้องติดรถยนต์สามารถบันทึกขณะจอดรถได้กี่วัน?
ความยาวในการบันทึกหลังดับเครื่องยนต์แล้วมีหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น
– ขนาดของแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งไม่เท่ากันในรถแต่ละแบรนด์ และรุ่น
– สภาพการเก็บไฟของแบตเตอรี่รถยนต์ (แบตเตอรี่รถยนต์เก่าอาจเก็บไฟได้ไม่ดีเท่าแบตเตอรี่ใหม่)
– ระดับกระแสไฟจากแบตเตอรี่ที่จ่ายได้ก่อนที่รถยนต์จะไม่สามารถติดเครื่องได้
– อุณหภูมิของรถยนต์ภายในห้องโดยสารขณะจอด
– ระดับกระแสไฟที่กล้องติดรถยนต์ต้องการใช้ในการทำงานช่วงจอดรถ
– ความจุของเมมโมรี่การ์ดที่นำมาใส่กับกล้องติดรถยนต์
– สภาพแวดล้อมโดยรอบ (เช่น เลือกบันทึกแบบ Buffered Parking Mode แต่บันทึกในสภาพแวดล้อมที่มีผู้คนพลุกพล่าน ก็จะกินพลังงานเยอะกว่าจอดในที่ไม่มีเหตุการณ์เคลื่อนไหว)
นั่นแปลได้ว่า ถ้าคุณติดกล้องที่สามารถบันทึกตอนจอดได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง กล้องจะใช้กระแสไฟมากกว่า และสามารถทำให้แบตเตอรี่รถยนต์คุณหมดได้ก่อน กล้องที่บันทึกเฉพาะด้านหน้า
รวมถึงแม้ว่าจะติดกล้องรุ่นเดียวกัน แต่ต่างแบรนด์รถยนต์ หรือรุ่นรถยนต์ ซึ่งใช้ขนาดแบตเตอรี่ต่างกัน กล้องก็จะบันทึกได้นานไม่เท่ากันนั่นเอง
กล้องติดรถยนต์รองรับโหมดจอดรถแต่ต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มด้วยไหม?
ใช่ครับคุณต้องมีอุปกรณ์เพิ่ม สำหรับโหมดจอดรถที่เน้นการบันทึกตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น Time lapse recording , บันทึกตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หรือ Buffered Parking Mode ล้วนต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มจากชุดกล้องติดรถยนต์มาตรฐาน เพื่อให้กล้องสามารถดึงพลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์ได้ และตัดไฟก่อนที่กล้องติดรถยนต์จะกินไฟแบตเตอรี่รถยนต์คุณหมดและเกิดปัญหาที่ทำให้คุณไม่สามารถติดเครื่องยนต์ได้
สายต่อตรง (Hardwire Kit)
สายต่อตรงทำหน้าที่ดึงไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์ผ่านกล่องฟิวส์รถยนต์ โดยก่อนเลือกซื้อสายต่อตรงมาใช้กับกล้องติดรถยนต์ของคุณ คุณควรศึกษาว่า กล้องติดรถยนต์ของคุณรองรับการทำงานด้วยโหมดจอดรถหรือไม่ และถ้าใช่ ต้องใช้สายต่อตรงประเภทไหน
เพราะสายต่อตรงของบางแบรนด์จะมีวงจรวัดกระแสไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์และตัดไฟได้เลย เช่น VIOFO Hardwire Kit HK3 ในขณะที่บางแบรนด์เช่น Transcend Hardwire Power Cable ไม่มีวงจรตัดกระแสไฟมาให้เลย
เราจึงอยากแนะนำคุณว่าควรใช้สายต่อตรงที่ผู้ผลิต (แบรนด์กล้องนั้นๆ) ทำมาเพื่อจำหน่ายกับกล้องโดยตรง
เพราะนอกจากจะทำงานได้เสถียร และจะได้ไม่มีปัญหากับการรับประกันของกล้องแบรนด์นั้นในภายหลังอีกด้วย
คำเตือน ไม่ควรใช้สายต่อตรงจากแบรนด์หนึ่ง ไปข้ามใช้กับแบรนด์อื่น ควรใช้ตรงรุ่นที่ผลิตมาเท่านั้น เรื่องไฟฟ้าอันตรายนะครับ
แบตเตอรี่เสริมสำหรับกล้องติดรถยนต์ (External Battery Pack)
แบตเตอรี่ภายนอกสำหรับประจุพลังไฟสำหรับกล้องติดรถยนต์โดยเฉพาะ โดยหลักการทำงานคือ แบตเตอรี่ตัวนี้จะเก็บพลังงานโดยการเสียบชาร์ตจากช่องจุดบุหรี่ระหว่างที่คุณติดเครื่องยนต์ไว้ในตัว และ ใช้พลังงานจากก้อนแบตเตอรี่นี้หลังจากที่คุณดับเครื่องยนต์
แปลว่ากล้องติดรถยนต์ของคุณจะสามารถทำงานได้ขณะจอด โดยไม่ต้องยุ่งกับไฟแบตเตอรี่รถยนต์คุณเลยแม้แต่นิดเดียว
คำเตือน แบตเตอรี่สำรอง ประเภท Power Banks ไม่ได้ถูกออกแบบมาทำงานกับกล้องติดรถยนต์ เพราะสภาวะความร้อนที่สูงผิดปกติขณะจอดรถ จึงมีข่าวมากมายที่มีแบตเตอรี่สำรองระเบิด หรือ ไฟลุกไหม้ขณะจอดรถ
สายต่อตรงประเภท OBD (OBD-II Power Cable)
สายประเภท OBD-II ถูกออกแบบมาเพื่อลดทอนปัญหาที่ยุ่งยากจากการใช้สายต่อตรงประเภท Hardwire Kit เพราะรถยนต์รุ่นใหม่ที่ผลิตช่วงตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมาล้วนมีช่องจ่ายไฟประเภท OBD อยู่บริเวณใต้พวงมาลัยของรถยนต์ ซึ่งคุณไม่ต้องมีความรู้ด้านฟิวส์ เพียงแค่เสียบปลั๊กก็สามารถใช้งานได้เลย
ทั้งยังตัดความเสี่ยงในแง่ศูนย์บริการรถยนต์ที่อาจปฏิเสธหรือมีปัญหาเรื่องประกันรถยนต์หากคุณไปว่าจ้างร้านติดกล้องรถยนต์ต่อไฟตรงด้วยความไม่รู้อีกด้วย
ปัจจุบันมีกล้องแบรนด์เดียวเท่านั้นที่มีอุปกรณ์ OBD จำหน่ายเพื่อใช้คู่กัน คือ กล้องติดรถยนต์เกาหลี iROAD
กล้องติดรถยนต์รุ่นยอดนิยมที่บันทึกขณะจอดได้ดี
บทสรุป
เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า อุบัติเหตุอาจเกิดได้ไม่ว่าเราจะขับรถยนต์ หรือช่วงที่จอดรถยนต์
คุณคงไม่อยากเจอเหตุการณ์ที่เดินกลับมาที่รถแสนรักของคุณและเกิดรอยชน หรือ ขูดขีด โดยที่คุณหาผู้กระทำผิดไม่ได้ แถมเวลาไปเครมประกันรถยนต์ ยังต้องถูกปรับขึ้นค่าเบี้ยเนื่องจากคุณไม่สามารถหาคู่กรณีได้อีกด้วย
แม้ว่าปัจจุบัน เรายังไม่มีกล้องติดรถยนต์ดีๆ ที่สามารถทำหน้าที่บันทึกตอนจอดได้รอบคัน และปลอดภัยแบบ 100%
แต่มันก็คงเป็นไอเดียที่ดี หากคุณจะมีกล้องดีๆติดรถยนต์และสามารถบันทึกให้คุณได้ ไม่ว่าจะตอนคุณขับ หรือตอนคุณจอด
ถึงแม้ว่าราคากล้องติดรถยนต์ประเภทที่บันทึกได้ขณะจอดรถจะไม่ถูกนัก
แต่หากเทียบกับราคารถยนต์ที่คุณขับอยู่ทุกวัน ที่ราคาหลายแสน หรือ หลายล้านบาท
คุณคงต้องลองพิจารณาดูแล้วล่ะครับ
เพราะ ค่ากล้องที่คุณคิดว่าแพงมันคิดเป็นราคากี่ % ของราคารถยนต์ของคุณครับ?
หากคุณสนใจกล้องติดรถยนต์ มีคำถาม หรือ ต้องการคำแนะนำ คุณสามารถ Comment แนะนำ หรือติดต่อเราได้ตามช่องทางด้านล่างนี้เลยครับ!
เราเชื่อว่าประสบการณ์ในการทำธุรกิจกล้องติดรถยนต์มาเกือบสิบปีของเรา จะเลือกกล้องติดรถให้คุณได้อย่างเหมาะสมและถูกใจครับ